การนอนหลับเป็นกระบวนการสำคัญที่ร่างกายใช้ในการฟื้นฟูพลังงานและซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ การพักผ่อนที่มีคุณภาพไม่เพียงส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย เช่น การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการปรับสมดุลฮอร์โมน แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางสมอง ทำให้มีสมาธิและความจำที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ความเครียดและการใช้ชีวิตที่เร่งรีบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หลายคนประสบปัญหาการนอนไม่เพียงพอหรือการนอนที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะซึมเศร้า บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของการนอนหลับ พร้อมทั้งแนะนำ เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณสามารถนอนหลับได้เต็มที่ ตื่นมาพร้อมความสดชื่นและพร้อมเผชิญกับทุกความท้าทายในแต่ละวัน
ความสำคัญของการนอนหลับ
การนอนหลับเป็นกระบวนการพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ในแต่ละวัน ร่างกายของเราต้องเผชิญกับความเครียด สารพิษ และการใช้งานระบบต่าง ๆ อย่างหนัก การนอนหลับจึงเป็นช่วงเวลาที่ระบบต่าง ๆ ได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากสุขภาพจิตไม่ดี อาจส่งผลให้คุณภาพการนอนหลับลดลงและร่างกายไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ การนำ วิธีดูแลสุขภาพจิต มาปรับใช้ เช่น การฝึกสมาธิ การหายใจลึก ๆ หรือการพูดคุยกับคนใกล้ชิด จะช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลจิตใจ ทำให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้น การดูแลทั้งสุขภาพจิตและการนอนหลับอย่างเหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงในระยะยาว
ผลกระทบของการนอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอหรือคุณภาพการนอนที่ไม่ดีสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายด้าน:
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การนอนหลับไม่พอทำให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคและฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยลดลง ผู้ที่นอนหลับน้อยมักป่วยง่ายและใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากโรค
- สมรรถภาพการทำงานลดลง
การนอนหลับไม่ดีส่งผลให้การทำงานของสมองช้าลง โดยเฉพาะในด้านของความจำ สมาธิ และการตัดสินใจ การทำงานหรือการเรียนจึงอาจมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก
- ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
การนอนไม่พอในระยะยาวสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนเนื่องจากฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและการเผาผลาญถูกรบกวน
- สุขภาพจิตเสื่อมโทรม
ผู้ที่นอนหลับไม่พอมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า การขาดการนอนที่มีคุณภาพส่งผลต่อความสามารถในการจัดการกับความเครียดและอารมณ์ในชีวิตประจำวัน
ประโยชน์ของการนอนหลับที่มีคุณภาพ
ในทางกลับกัน การนอนหลับที่เพียงพอและมีคุณภาพมีผลดีต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ:
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากความเสียหายและสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันใหม่เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
การนอนหลับช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำระยะยาวและความสามารถในการเรียนรู้ใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลของอารมณ์ ทำให้รับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น
- ส่งเสริมสุขภาพจิต
การนอนหลับที่ดีช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล และเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนที่ส่งผลดีต่อสุขภาพจิต เช่น เซโรโทนิน
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก
การนอนหลับมีผลต่อฮอร์โมนเลปตินและเกรลิน ซึ่งควบคุมความหิวและความอิ่ม การนอนเพียงพอช่วยลดความอยากอาหารที่ไม่จำเป็นและสนับสนุนการควบคุมน้ำหนัก
การนอนหลับไม่ใช่เพียงการพักผ่อน แต่เป็นกระบวนการสำคัญที่ส่งผลต่อทุกระบบของร่างกายและจิตใจ การใส่ใจในคุณภาพการนอนเป็นการลงทุนในสุขภาพระยะยาว ที่ช่วยให้คุณมีพลังงานและความพร้อมในการเผชิญกับทุกความท้าทายของชีวิตประจำวัน
เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้
สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน
การสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายจะช่วยให้หลับลึกและตื่นมาอย่างสดชื่น
- ควบคุมแสงสว่าง
การปิดไฟและลดแสงสว่างในห้องนอนช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมวงจรการนอนหลับ หากจำเป็นต้องมีแสง ควรใช้ไฟสลัวหรือหลอดไฟสีเหลืองที่ช่วยลดความตื่นตัวของสมอง
- ปรับอุณหภูมิห้อง
อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการนอนอยู่ที่ประมาณ 20-24 องศาเซลเซียส อากาศที่เย็นสบายช่วยให้ร่างกายสามารถเข้าสู่ระยะหลับลึกได้ง่ายขึ้น
- ใช้ที่นอนและหมอนที่เหมาะสม
การเลือกที่นอนและหมอนที่รองรับสรีระได้ดีช่วยลดความเสี่ยงของอาการปวดหลังและคอ ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจรบกวนการนอนหลับ
ปรับพฤติกรรมก่อนนอน
พฤติกรรมในช่วงเวลาก่อนนอนมีผลโดยตรงต่อคุณภาพการนอน
- หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน
แสงสีฟ้าจากหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์รบกวนการผลิตเมลาโทนิน ควรหยุดใช้อุปกรณ์เหล่านี้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
- ดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยผ่อนคลาย
การดื่มชาคาโมมายล์ นมอุ่น หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีนช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการนอน
- ตั้งเวลาเข้านอนและตื่นนอนที่สม่ำเสมอ
การนอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้าสู่วงจรการนอนที่มีประสิทธิภาพ
การออกกำลังกายและการพักผ่อน
การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเสริมสร้างคุณภาพการนอนหลับ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดและเพิ่มการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงเย็น เพราะอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไป
- ฝึกสมาธิหรือทำโยคะ
การฝึกสมาธิและโยคะช่วยให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายก่อนเข้านอน
- ใช้เทคนิคการหายใจลึก
การฝึกหายใจลึก ๆ ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย ลดความเครียด และทำให้นอนหลับง่ายขึ้น
อาหารและการนอนหลับ
อาหารที่บริโภคในแต่ละวันมีผลต่อการนอนหลับโดยตรง
- หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักก่อนนอน
การรับประทานอาหารมื้อหนักหรืออาหารที่มีไขมันสูงก่อนนอนอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก ส่งผลให้หลับไม่สบาย
- เลือกอาหารที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ
อาหารที่มีสารทริปโตเฟน เช่น กล้วย อัลมอนด์ และไก่งวง ช่วยกระตุ้นการผลิตเซโรโทนินและเมลาโทนิน ซึ่งช่วยให้หลับง่ายขึ้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มคุณภาพการนอน การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ พร้อมสำหรับการเผชิญกับความท้าทายในแต่ละวันอย่างเต็มที่
อาหารและการนอนหลับ
การบริโภคอาหารมีบทบาทสำคัญต่อคุณภาพการนอนหลับ อาหารบางชนิดสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอน ในขณะที่อาหารบางชนิดอาจรบกวนวงจรการนอนหลับของคุณ
อาหารที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ
- กล้วย
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลาย นอกจากจะเป็นแหล่งของแมกนีเซียมและโพแทสเซียมที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความตึงเครียดแล้ว กล้วยยังมีสารทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเซโรโทนินและเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และวงจรการนอนหลับ เซโรโทนินช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดี ในขณะที่เมลาโทนินช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้าสู่การพักผ่อนอย่างเป็นธรรมชาติ การบริโภคกล้วยเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการเสริมสร้างสุขภาพ โดยเฉพาะการทานกล้วยสดก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น หรืออาจนำกล้วยไปผสมในสมูทตี้กับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการบำรุงสุขภาพทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ
- ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอนเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพสมอง ช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบประสาท และสนับสนุนการผลิตฮอร์โมนเซโรโทนินและเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ นอกจากนี้ปลาแซลมอนยังอุดมไปด้วยวิตามินดี ซึ่งช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กรดไขมันโอเมก้า-3 ยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดความเครียดและอาการบวมในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจรบกวนการนอนหลับ การบริโภคปลาแซลมอนเป็นประจำไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากความเครียด แต่ยังช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายและหลับสนิทมากขึ้น โดยอาจนำไปประกอบอาหารเช่น ย่าง อบ หรือทำสลัดเพื่อเพิ่มความหลากหลายในการรับประทาน
- อัลมอนด์
อัลมอนด์เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะแมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดความตึงเครียดของระบบประสาท ช่วยให้กล้ามเนื้อและร่างกายผ่อนคลาย ส่งผลดีต่อการนอนหลับ นอกจากนี้อัลมอนด์ยังมีโปรตีนที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ตลอดคืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการตื่นกลางดึกจากการลดลงของน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของการอักเสบและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ การบริโภคอัลมอนด์เป็นของว่างในช่วงเย็นสามารถช่วยให้ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ หรืออาจนำอัลมอนด์มาโรยบนโยเกิร์ตหรือข้าวโอ๊ตเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ เป็นวิธีที่ง่ายและอร่อยในการเสริมสร้างสุขภาพทั้งกายและใจ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนนอน
- คาเฟอีน
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่พบในเครื่องดื่มยอดนิยม เช่น ชา กาแฟ และเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายตื่นตัว เพิ่มสมาธิ และลดความง่วง อย่างไรก็ตาม คาเฟอีนสามารถรบกวนวงจรการนอนหลับได้ แม้จะบริโภคในช่วงบ่าย ผลกระทบของคาเฟอีนอาจอยู่ในร่างกายได้นานถึง 6-8 ชั่วโมง ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวในช่วงเวลาที่ควรนอนหลับ การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณมากหรือตอนใกล้เวลานอน อาจทำให้หลับยากหรือหลับไม่สนิท ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังเวลา 14.00 น. เพื่อไม่ให้กระทบต่อคุณภาพการนอน
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง
อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมเค้ก ขนมปัง และเครื่องดื่มหวาน สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวและรบกวนการนอนหลับ โดยเฉพาะในช่วงกลางดึกที่ระดับน้ำตาลลดลง ร่างกายอาจปล่อยฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการตื่นตัว ทำให้คุณตื่นขึ้นโดยไม่ตั้งใจ การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงก่อนนอนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดไม่คงที่และการสะสมของไขมัน ดังนั้น ควรเลือกทานขนมที่มีน้ำตาลต่ำ หรือเปลี่ยนเป็นผลไม้สดเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานที่คงที่และหลับได้อย่างสบาย
- อาหารที่มีไขมันสูง
อาหารที่มีไขมันสูง เช่น เบอร์เกอร์ อาหารทอด และขนมขบเคี้ยวมัน ๆ อาจทำให้ระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถผ่อนคลายเข้าสู่ภาวะพร้อมสำหรับการนอนหลับได้ ไขมันใช้เวลาย่อยนานกว่าคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน ทำให้ร่างกายต้องคงระดับพลังงานในการย่อยอาหาร ส่งผลให้รู้สึกอึดอัดหรือท้องอืด นอกจากนี้ การบริโภคอาหารไขมันสูงก่อนนอนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อน ซึ่งสามารถรบกวนการนอนหลับได้เช่นกัน ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อหนักหรืออาหารที่มีไขมันสูงในช่วงเย็น เพื่อส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ
เคล็ดลับการเลือกอาหารสำหรับการนอนหลับที่ดี
การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- รับประทานอาหารเย็นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
เพื่อให้ระบบย่อยอาหารมีเวลาทำงาน และร่างกายสามารถเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมในช่วงเย็น
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากเกินไปก่อนนอนเพื่อลดการตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำ
- เลือกอาหารที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและเพิ่มระดับเมลาโทนิน
อาหารเช่น เชอร์รี อัลมอนด์ และปลาแซลมอน ซึ่งเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 และสารอาหารที่ช่วยเพิ่มระดับเมลาโทนิน จะช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ การเลือกรับประทาน อาหารที่ช่วยลดไขมันในเลือด เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด และน้ำมันมะกอก จะไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ยังช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการไหลเวียนโลหิตและการฟื้นฟูร่างกายในช่วงเวลานอน การปรับพฤติกรรมการกินเหล่านี้จะช่วยให้คุณตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยความสดชื่น พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในชีวิตประจำวัน
การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูพลังงาน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการตัดสินใจ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การกำหนดเวลานอนที่สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอน นอกจากนี้ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น การควบคุมแสงสว่างและอุณหภูมิในห้องนอน รวมถึงการเลือกที่นอนและหมอนที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายเข้าสู่โหมดผ่อนคลายได้ง่ายขึ้น การบริโภคอาหารที่ช่วยส่งเสริมการนอนหลับ เช่น กล้วย อัลมอนด์ และปลาแซลมอน ยังช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินและเซโรโทนิน ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมวงจรการนอนหลับ ด้วยการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเหล่านี้ คุณสามารถเสริมสร้างคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้น และตื่นมาพร้อมพลังและสมาธิที่พร้อมเผชิญกับทุกความท้าทายในแต่ละวัน
คำถามที่พบบ่อย
1. ทำไมการนอนหลับจึงสำคัญต่อสุขภาพ?
การนอนหลับช่วยฟื้นฟูร่างกายและสมอง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
2. อะไรคือสาเหตุของการนอนหลับยาก?
สาเหตุอาจเกิดจากความเครียด การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน หรือการบริโภคคาเฟอีนในช่วงเย็น
3. การออกกำลังกายช่วยปรับปรุงการนอนหลับได้อย่างไร?
การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดและกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น
4. อาหารประเภทใดที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนนอน?
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาเฟอีน น้ำตาลสูง และอาหารมื้อหนักที่ย่อยยากก่อนเข้านอน
อ้างอิง
- Megan Soliman, “Top 15 Proven Tips to Sleep Better at Night”, healthline, May 29, 2024, https://www.healthline.com/nutrition/17-tips-to-sleep-better
- Dr. Abhinav Singh, “20Tips for How to Sleep Better”, sleepfoundation, December 8, 2023, https://www.sleepfoundation.org/sleep-hygiene/healthy-sleep-tips
- Mayo Clinic Staff, “Sleep tips: 6 steps to better sleep”, mayoclinic, May 07, 2022 , https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/adult-health/in-depth/sleep/art-20048379