“งูสวัด” เป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนังชนิดหนึ่ง โรคนี้มีมานานแล้ว และถึงแม้เป็นโรคไม่อันตรายมากนักแต่ถ้ารักษาไม่ทันท่วงที ไวรัสลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนเสียชีวิตได้ จึงอยากให้ทุกคนหันมาทำความเข้าใจโรคนี้กันมากขึ้น เพราะเป็นโรคที่มีโอกาสเป็นกันได้ทุกคนหากเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนแล้ว ว่าแต่มันเกี่ยวข้องกับอีสุกอีใสยังไง มีอาการหรือสิ่งใดที่น่าเรียนรู้เกี่ยวกับโรคงูสวัดอีกบ้าง ตามมาดูกันค่ะ
อาการโดยทั่วไปของโรคงูสวัด แบ่งได้ 3 ระยะ ดังนี้
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผื่นและอาการอื่นๆจะหมดไป แต่อาการต่อเนื่องของโรคจะยังคงอยู่ โดยผู้ป่วยจะรู้สึกปวดตามแนวเส้นประสาท เนื่องจากเส้นใยประสาทถูกไวรัสทำลาย อาการปวดนี้จะอยู่นานหลายเดือน บางคนมีอาการเกือบปี แต่โดยมากแล้วอาการปวดปลายประสาทหลังรักษาหายแล้วจะเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ถ้าใครเชื้อลุกลามไปอวัยวะอื่นๆ เช่น หู ตา ปอด หัวใจหรือไต ก็จะมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆตามมาด้วย อย่างเช่น โรคติดต่อซิฟิลิส ก็เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเช่นกัน
งูสวัด(shingles, herpes zoster) คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์(VZV) การรับเชื้อนั้นมักเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ จากนั้นเชื้อก็เข้าสู่กระแสเลือด ก่อให้เกิดการติดเชื้อทั่วร่างกาย จริงๆแล้วจะบอกว่างูสวัดเกิดจากการติดเชื้อ VZV ตรงๆก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก เพราะหากได้รับเชื้อนี้ครั้งแรก จะเป็นโรคอีสุกอีใสไม่ใช่งูสวัด แต่เมื่อรักษาอีสุกอีใสจนหายดีแล้ว เชื้อจะแฝงตัวอยู่ตามเส้นประสาทไปตลอดชีวิต แต่จะอยู่ในสภาพที่ไม่ก่อโรค จนกระทั่งเกิดการติดเชื้อซ้ำ เชื้อโรคเพิ่มจำนวนขึ้นและเดินทางจากเซลล์ประสาทไปยังปลายประสาท จึงกลายเป็นโรคงูสวัดนั่นเอง ผู้ป่วยโรคนี้จะมีลักษณะเด่นของอาการเหมือนกันคือ มีผื่นใสขึ้นเป็นกลุ่มพาดตามลำตัวและแสบร้อนอย่างมากบริเวณที่มีอาการ ส่วนปัจจัยที่ทำให้งูสวัดกลับมากำเริบได้นั้นมีหลายประการ ดังนี้
สำหรับกลไกที่ทำให้เชื้อกลับมากำเริบนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยด้านบนเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้โรคกำเริบได้ โรคงูสวัดจะมีความคล้ายคลึงกับเริมในเรื่องลักษณะของผื่น แต่จริงๆ แล้วเกิดจากไวรัสคนละสายพันธ์กันเพียงแต่อยู่ในแฟมิลี่เดียวกันเท่านั้น ปัจจุบันนี้มีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดแล้ว คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรจะแดกันทุกคน เพราะลดโอกาสการเกิดโรคได้ถึง 50-90% หลังฉีดถึงแม้จะติดเชื้อ ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้ รวมทั้งยังรักษาหายเร็วขึ้นด้วย นอกจากโรคงูสวัดแล้วในหน้าฝนก็ควรระวังไข้เลือดออกโรคหน้าฝนด้วยเช่นกัน เพราะหากเป็นพร้อมกันอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
โดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องการทานอาหารชนิด จึงสามารถทานได้ทั่วไป เพียงแต่เน้นทานให้ครบถ้วน 5 หมู่ ร่างกายจะได้ฟื้นตัวรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรงดอาหารบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์ ของหมักดอง อาหารสุกๆดิบๆ เป็นต้น เพราะมันอาจทำให้ร่างกายติดเชื้อเพิ่มเติมได้
ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการจนอาการแสบร้อนตามประสาทหายไปใช้เวลาตั้งแต่ 2 สัปดาห์-1 ปี แต่ผื่นผิวหนังและอาการทางผิวหนังอื่นๆ จะหายตั้งแต่ 2-6 สัปดาห์แรกนับตั้งแต่วันที่ได้รับเชื้อ แต่หลังจากรักษาหายแล้วอาจจะมีอาการแสบร้อนตามปลายประสาทอยู่ ความรุนแรงและระยะเวลาในการปวดจะต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วอาการทั้งหมดจะหายสนิทภายใน 1 ปี ทั้งนี้ไม่อยากให้ผู้ป่วยเป็นกังวล เพราะอาการปวดนี้มักเกิดกับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปเท่านั้น ในคนอายุน้อยกว่านี้มีอัตราการเกิดต่ำมาก ถ้าอายุยังน้อย ร่างกายแข็งแรงดี โดยมากแล้วจะมีไม่อาการปวดดังกล่าว
โรคงูสวัดเป็นโรคที่ป้องกันได้ไม่ยาก หากใครที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนก็ระมัดระวังอย่าให้ตัวเองติดเชื้อ ถ้ามีคนใกล้ชิดป่วยเป็นอีสุกอีใส ให้หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยจนกว่าผู้ป่วยจะรักษาตัวจนหายดีแล้ว หากกังวลก็ไปฉีดวัคซีนก็ได้ โดยสารมารถป้องกันได้นาน 5 ปี แต่ถ้าเคยเป็นอีสุกอีใสมากแล้ว ก็หมายความว่ามีเชื้อไวรัสอยู่ในตัว การป้องกันได้ทำได้โดยการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันโรคกลับมากำเริบอีกครั้ง
Atlantic Canada Healthcare คลังข้อมูลป้องกันโรค รู้ทันโรคใหม่ ๆ ทุกวัน พร้อมวิธีตรวจเช็คอาการเบื้องต้น มีประสิทธิภาพมากที่สุด ประหยัดที่สุด ทันเวลาในการตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อคำแนะนำและการรักษาที่ดีที่สุด