• HOME
  • BLOG
  • ABOUT
  • CONTACT
Menu
  • HOME
  • BLOG
  • ABOUT
  • CONTACT
ออฟฟิศซินโดรม โรคยอดฮิตที่คนทำงานออฟฟิศมักต้องเผชิญ
October 8, 2019
โรคไข้หวัดใหญ่ โรคระบาดอันตราย แต่ถ้ารู้ทันก็สามารถป้องกันได้
November 12, 2019
Published by admin on November 12, 2019
Categories
  • Uncategorized
Tags

โรคภูมิแพ้ เข้าใจ รู้ทัน ป้องกันได้

โรคภูมิแพ้ เป็นหนึ่งในโรคภัยไข้เจ็บที่พบได้บ่อยที่สุดทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยพบมากเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด ดังนั้นการทำความเข้าใจตัวโรคจะช่วยให้รู้เท่าทันและสามารถสังเกตความผิดปกติเบื้องต้นได้ เมื่อมีความรู้เพียงพอก็จะทำให้รับมือกับอาการผิดปกติและป้องกันดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย โรคไข้หวัดใหญ่ โรคระบาดอันตราย

โรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้(allergy) คือโรคที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้ในธรรมชาติมากเกินไปจนก่อให้เกิดอาการผิดปกติตามมา โดยปกติแล้วสารเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ จะก่อให้เกิดความผิดปกติเฉพาะในผู้ป่วยภูมิแพ้เท่านั้น เมื่อได้รับสารที่ว่าเข้าไปแล้วผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกันไป บางรายมีเพียงเล็กน้อยแต่บางรายก็อาการรุนแรง ถึงแม้ว่าสารก่อภูมิแพ้จะไม่ส่งผลกับคนส่วนมากแต่เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้มีหลายชนิดมาก ตั้งแต่ฝุ่นไปจนถึงอาหารการกิน จึงทำให้โรคภูมิแพ้จึงกลายเป็นโรคที่พบได้มากที่สุดในไทย โดยพบในประชากรไทยเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

โรคนี้จะมีความชุกมากในเมืองใหญ่ๆ เพราะมีมลพิษมากมายทั้งฝุ่นควัน น้ำเน่าเสีย ขยะต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายตกลงทั้งสิ้น เมื่อสุขภาพอ่อนแอมากขึ้น โรคจึงกำเริบได้ง่าย ในส่วนของกลไกการเกิดโรคนั้นเริ่มจากร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป ซึ่งสามารถรับเข้าไปได้หลายทางไม่ว่าจะการรับประทาน การสูดดมหรือการสัมผัสก็ตาม  ในครั้งแรกอาจจะไม่มีอาการอะไรเลย แต่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะเริ่มตอบสนองแล้วเป็นที่เรียบร้อยโดยกระตุ้นการหลั่งแอนติบอดีที่มีผลต่อการสารก่อภูมิแพ้ขึ้นมา คราวนี้เมื่อร่างกายมีแอนติบอดี้แล้ว การตอบสนองต่อสารก่อภูมิจึงเริ่มขึ้น เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้อีกครั้งระบบภูมิคุ้มกันและแอนติบอดี้จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “ฮีสตามีน” สารนี้เองที่เป็นต้นเหตุของอาการภูมิแพ้ จริงๆแล้วกลไกการเกิดภูมิแพ้นั้นเป็นเพียงวิธีการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งของร่างกาย เพียงแต่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนักมากเกินไปและมองว่าสารก่อภูมิแพ้เป็นสิ่งแปลกปลอม ปฏิกิริยาตอบสนองจึงค่อนข้างรุนแรง

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย กรดไหลย้อน ภัยสุขภาพคุกคามคุณภาพชีวิต

โรคภูมิแพ้ เข้าใจ รู้ทัน ป้องกันได้

ภูมิแพ้ มีกี่ประเภท

โรคภูมิแพ้แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 4 ประเภท ดังนี้

  • ภูมิแพ้จมูกหรือภูมิแพ้อากาศ เป็นภูมิแพ้ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง โดยปกติแล้วจมูกของคนเรามีหน้าที่หายใจ ส่วนขนและเยื่อบุภายในช่องจมูกนั้นจะช่วยกรองสิ่งสกปรกต่างๆที่ปะปนมากับอากาศและปรับอุณหภูมิของอากาศให้อบอุ่นก่อนจะสูดลงไปสู่ปอด ดังนั้นโพรงจมูกและเยื่อบุโพรงจมูกจึงเป็นจุดที่สัมผัสสิ่งแปลกปลอมมากกว่าอวัยวะส่วนอื่นในระบบทางเดินอาหาร จึงเกิดการอักเสบและก่อให้เกิดอาการแพ้ตามมาได้ง่าย ทั้งนี้ผู้ป่วยภูมิแพ้ประเภทนี้จะมีความไวต่อกลิ่นหรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ ฯลฯ มากกว่าคนทั่วไปมาก
  • ภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นภูมิแพ้ที่มีโอกาสถ่ายทอดทางพันธุกรรมสูงที่สุด ผู้ป่วยโรคนี้จะมีผิวหนังที่ไวต่อสภาพแวดล้อมรอบตัวมากไม่ว่าจะฝุ่นควัน เชื้อโรคต่างๆ อากาศที่ร้อนจัดหรือหนาวจัด ผิวที่แห้งเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ การสัมผัสสารเคมี การอาศัยอยู่ในบริเวณที่อากาศมีความชื้นต่ำ เป็นต้น ทั้งนี้ความเครียด การนอนดึก หรือพักผ่อนน้อยก็กระตุ้นให้โรคกำเริบได้เช่นเดียวกัน
  • ภูมิแพ้อาหาร เป็นภูมิแพ้ประเภทที่ไวต่ออาหารที่ทานเข้าไป ส่วนใหญ่แล้วอาการจะแสดงออกมาทันทีหลังทาน ยังเป็นอาการที่ค่อนข้างรุนแรงด้วยแพ้ แต่ก็มีบางคนที่เป็นภูมิอาหารแบบแฝง โดยจะไม่มีอาการแพ้อะไรเลยและสามารถทานอาหารที่แพ้ได้ตามปกติ แต่ถ้ายังทานอยู่เรื่อยๆจนวันหนึ่งเกินขีดความสามารถของภูมิต้านทานร่างกาย อาการจะแสดงออกมาทันทีโดยไม่รู้ตัวและมักเป็นอาการที่รุนแรงมาก
  • ภูมิแพ้หลายระบบรวมกัน เป็นภูมิแพ้ประเภทที่ส่งผลต่อร่างกายตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไป เช่น เป็นภูมิแพ้ผิวหนังร่วมกับภูมิแพ้ตาเนื่องจากสูดดมฝุ่นควันเข้าไปและได้รับผ่านทางเยื่อบุตาด้วย ภูมิแพ้ประเภทนี้มีแนวโน้มพบได้มากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่

โรคภูมิแพ้ อาการ

อาการโรคภูมิแพ้ของแต่ละคนไม่เหมือนกันและรุนแรงไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความแข็งแรงของร่างกาย ปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับเข้าไป ระดับการแพ้ เป็นต้น โดยประเภทของอาการแพ้มี 2 แบบคือ แพ้แบบเฉียบพลันโดยจะแสดงอาการทันทีหลังได้รับสารก่อภูมิแพ้ กับอีกแบบหนึ่งที่จะค่อยๆแสดงอาการอย่างช้าๆหลังได้รับสารก่อภูมิแพ้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติได้ภายใน 4 ชั่วโมง

  1. ภูมิแพ้อากาศหรือภูมิแพ้จมูก อาการจะมีตั้งแต่ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันและแสบจมูก อาการจะมาแบบเป็นๆหายๆโดยจะเป็นหนักในช่วงฤดูหนาว กำเริบบ่อยในช่วงเช้าและกลางคืน อาจมีโรคแทรกซ้อนบางอย่างร่วมด้วย เช่น ไซนัส เป็นต้น
  2. ภูมิแพ้ผิวหนัง มักจะมีอาการเริ่มต้นมาจากจุดที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้ อาการจะแตกต่างกันไป เช่น ผิวแห้งคัน มีปื้นหรือผื่นแดงคันเกิดขึ้น เป็นลมพิษ ผิวลอก ตุ่มนูนสีแดง บางคนอาจมีอาการรุนแรงโดยผิวอักเสบจนหนาตัวกลายเป็นตุ่มน้ำและแตกออกจนมีน้ำเหลืองซึมออกมา ภูมิแพ้ผิวหนังที่รุนแรงมักมีสาเหตุมาจากการแพ้ยา
  3. ภูมิแพ้อาหาร ภูมิแพ้ชนิดนี้มักแสดงอาการทันทีหลังได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป ไม่ว่าจะได้รับในปริมาณมากหรือน้อยก็ตาม อาการก็เช่น ผิวหนังอักเสบแบบเฉียบพลัน ลมพิษ หลอดอาหารตีบตัน หายใจไม่สะดวก ปากหรือตาบวม หน้าบวม หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจอาเจียนหรืออุจจาระเป็นเลือด หายใจไม่ออก ช็อคหมดสติหรือเสียชีวิตได้
  4. ภูมิแพ้หลายระบบรวมกัน อาการจะมีหลายๆแบบผสมกัน เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ร่วมกับอาเจียนท้องเสียหรือมีผดผื่นแพ้บนผิวหนัง เป็นต้น

โรคภูมิแพ้ เข้าใจ รู้ทัน ป้องกันได้

โรคภูมิแพ้ สาเหตุ

โรคภูมิแพ้เกิดจากการได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย และระบบภูมิคุ้มกันพยายามกำจัดสารนั้นออกมาโดยการผลิตสารตัวกลางเพื่อทำหน้าที่ต่อต้านสารแปลกปลอมนั้น แต่ว่าสารตัวกลางก็กระตุ้นให้ร่างกายมีอาการผิดปกติได้เช่นเดียวกัน สำหรับสารก่อภูมิแพ้นั้นจะแตกต่างกันไปตามประเภทของภูมิแพ้ ดังนี้

  • ภูมิแพ้อากาศหรือภูมิแพ้จมูก สารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ฝุ่นละออง ส่วนสารอื่นก็เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์ เชื้อรา อากาศที่เย็นจนเกินไป เป็นต้น
  • ภูมิแพ้ผิวหนัง ส่วนมากจะเกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำยาย้อมผม ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ถุงมือยาง โลหะชนิดต่างๆ ทั้งนี้ฝุ่นละอองหรือเกสรดอกไม้ก็กระตุ้นให้เป็นภูมิแพ้ผิวหนังได้เช่นเดียวกัน
  • ภูมิแพ้อาหาร อาหารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยมักเป็นอาหารทะเล ถั่ว นม ไข่ แป้งสาลี ธัญพืชบางชนิด เป็นต้น ทั้งนี้อาหารบางชนิดที่ดูเหมือนจะทานได้ทุกคนก็สามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกัน เช่น มะเขือเทศ กล้วย ขนุน แตงกวา เป็นต้น แต่จะพบได้น้อยกว่าอาหารในกลุ่มแรกมาก
  • ภูมิแพ้หลายระบบรวมกัน สารก่อให้เกิดภูมิแพ้ก็คือสารทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น เพียงแต่ว่าภูมิแพ้ประเภทนี้จะส่งผลต่อระบบร่างกายอย่างน้อย 2 ระบบขึ้นไป เช่น เป็นภูมิแพ้ตาร่วมกับภูมิแพ้อากาศ สาเหตุเกิดจากการได้รับฝุ่นละอองผ่านทางการสูดดมและเยื่อบุตา เป็นต้น

การรักษาโรคภูมิแพ้

ผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะบางรายก็เป็นโรคภูมิแพ้ในระดับที่รุนแรง จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันในยามที่ภูมิแพ้กำเริบแบบฉุกเฉิน ส่วนการรักษามีดังนี้

  1. การใช้ยารักษาโรค ยารักษาโรคภูมิแพ้ที่ใช้บ่อยมีหลายชนิด แตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ ดังนี้
  • ยาต้านฮิสตามีน(Antihistamine) ฮิสตามีนเป็นสารที่หลั่งเมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป สารนี้เองที่กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้และการอักเสบที่อวัยวะตามมา การให้ยาต้านฮิสตามีนจะช่วยลดอาการที่เกิดจากภูมิแพ้ลงได้
  • อะดรีนาลีน(Adrenaline) ใช้รักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่มีอาการรุนแรงเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เพราะมันช่วยลดการบวมของหลอดลมและกล่องเสียงได้ ใช้ได้ผลดีมากในผู้ป่วยที่หลอดลมตีบบวมจนหายใจไม่ออก สำหรับใครที่เป็นภูมิแพ้ชนิดรุนแรงเฉียบพลัน(Anaphylaxis) จะต้องพกยาประเภทนี้ติดตัวเผื่อเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน เพราะอาการแพ้มักจะรุนแรงมาก หารอไปพบแพทย์อาจรักษาไม่ทัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
  • สเตียรอยด์ชนิดทา ใช้ทาเพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนัง แต่ยานี้เป็นยาอันตรายต้องใช้ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น
  • ยาแก้คัดจมูก(Decongestants) ช่วยลดอาการบวมของจมูก ทำให้หายใจได้โล่งและสะดวกมากขึ้น มีทั้งแบบยาหยอดจมูกและชนิดเม็ดสำหรับรับประทาน
  1. ภูมิคุ้มกันบำบัด(Immunotherapy) คือวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้ในปริมาณที่ไม่อันตรายให้กับผู้ป่วย ร่างกายจะค่อยๆปรับตัวและรับมือกับสารก่อภูมิแพ้ได้ดีขึ้นจนกระทั่งหายขาดในที่สุด ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดและฉีดภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับระดับการแพ้ของผู้ป่วย อย่างไรก็ตามบางคนก็อาจใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นห้ามทดลองเองโดยเด็ดขาด

โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ควบคุมได้ยาก เพราะในชีวิตประจำวันผู้ป่วยมีโอกาสจะพบเจอสารก่อภูมิแพ้ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องพยายามระมัดระวังตัวอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้สมบูรณ์แข็งแรง หากภูมิคุ้มกันร่างกายดี โรคจะกำเริบได้ยากขึ้น แต่ว่าถึงแม้จะระวังดีแล้วก็ควรจะพกยาแก้แพ้ติดตัวเอาไว้ โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลันยิ่งต้องมียาแก้แพ้อะดรีนาลิน(เอพิเนฟริน)ติดตัวอยู่เสมอ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับการกำเริบของโรคในกรณีฉุกเฉิน

Share
1
admin
admin

Related posts

November 12, 2019

โรคริดสีดวงทวาร ภัยสุขภาพใกล้ตัว รักษาได้ ไม่ต้องทรมาน


Read more
November 12, 2019

โรคไทรอยด์ รู้จักไว้ ปลอดภัยกว่า


Read more
November 12, 2019

กรดไหลย้อน ภัยสุขภาพคุกคามคุณภาพชีวิต


Read more

ATLANTICCANADA

Atlantic Canada Healthcare คลังข้อมูลป้องกันโรค รู้ทันโรคใหม่ ๆ ทุกวัน พร้อมวิธีตรวจเช็คอาการเบื้องต้น มีประสิทธิภาพมากที่สุด ประหยัดที่สุด ทันเวลาในการตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อคำแนะนำและการรักษาที่ดีที่สุด

Recent Posts

คัดจมูกแก้ยังไง

คัดจมูกแก้ยังไง ? รวม 10 วิธีรักษาและป้องกันอาการเบื้องต้น

โรคไส้เลื่อนอาการ

โรคไส้เลื่อนอาการ เป็นอย่างไร? รักษาได้หรือไม่ 

มะเร็งเต้านมลักษณะก้อนเนื้อมะเร็ง

มะเร็งเต้านมลักษณะก้อนเนื้อมะเร็ง แตกต่างจากซีตส์อย่างไร

คัดจมูกแก้ยังไง

คัดจมูกแก้ยังไง ? รวม 10 วิธีรักษาและป้องกันอาการเบื้องต้น

โรคไส้เลื่อนอาการ

โรคไส้เลื่อนอาการ เป็นอย่างไร? รักษาได้หรือไม่ 

มะเร็งเต้านมลักษณะก้อนเนื้อมะเร็ง

มะเร็งเต้านมลักษณะก้อนเนื้อมะเร็ง แตกต่างจากซีตส์อย่างไร

Copyright © 2020 atlanticcanadahealthcare.com

  • Terms and Conditions
  • Privacy Policy