โรคอ้วนคืออะไร ? โรคอ้วนหรือการมีน้ำหนักตัวเกินที่มากผิดปกติส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมายหลายด้านไม่เพียงแต่ด้านบุคลิกภาพที่อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจได้เท่านั้น เพราะยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ และความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานกับโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติถึง 2-10 เท่า ทำให้เป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ ตามมา บางคนอาจจะเครียดจนส่งผลให้ปวดหัวไมเกรนมากด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแล้วมาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคอ้วนกัน
โรคอ้วน คือ การที่ร่างกายมีภาวะไขมันสะสมตามส่วนอวัยวะต่าง ๆ มากเกินปกติและไม่สามารถเผาผลาญออกไปได้ จึงทำให้ร่างกายมีการสะสมพลังงานที่เหลือในรูปแบบของไขมันไว้ ซึ่งสิ่งนี้เองที่เป็นการทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในด้านต่าง ๆ และอาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังตามมาได้
แม้ว่าบางคนจะรู้สึกว่าตัวเองอ้วน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคอ้วนหรือไม่? ตามเกณฑ์มาตรฐานสากลนั้นการกำหนดผู้ที่มีภาวะอ้วนสามารถทำได้โดยวัดจากดัชนีมวลกายหรือที่เรียกกันว่าค่า BMI (Body Mass Index) นั่นเอง ซึ่งค่านี้ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัวด้วยการระบุค่าน้ำหนักและส่วนสูง ผลที่ได้ออกมาก็จะแสดงให้เห็นว่าตอนนี้รูปร่างของคุณอยู่ในระดับใดซึ่งจะแสดงผลออกมาเป็นระดับความอ้วนมากเกินไปจนถึงผอมเกินไป โดยผลประเมินของแต่ละค่าแบ่งออกเป็นดังนี้
การมีน้ำหนักตัวที่ผอมเกินไปก็ใช่ว่าจะดี เนื่องจากร่างกายของคุณอาจได้รับสารอาหารต่าง ๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายทำให้เกิดการอ่อนเพลียง่าย ซึ่งการรับประทานอาหารเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมและออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ค่า BMI ขึ้นมาอยู่ตามเกณฑ์ปกติได้
ตามมาตรฐานแล้วค่าที่เหมาะสมกับคนไทยจะอยู่ที่ 18.5-24 หากคุณวัดแล้วได้ค่าตามเกณฑ์นี้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติและไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนได้ง่าย ๆ
เมื่อเริ่มอยู่ในเกณฑ์นี้แล้วจะถือว่าเป็น ‘โรคอ้วนระดับ 1’ ที่อาจจะเริ่มมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง ใครที่วัดได้ค่านี้ควรหันมาออกกำลังกายและปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อให้ค่า BMI กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
หากคุณมีค่าอยู่ที่ 30 ขึ้นไปถือว่าสูงมากและเป็นโรคอ้วนที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงต่อร่างกายได้ หากถึงค่าตัวเลข 40 ขึ้นไปควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและขอคำแนะนำจากแพทย์ทันที
บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าอ้วนแต่วัดค่า BMI แล้วได้มากกว่า 25 ก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนได้ เนื่องจากบางคนน้ำหนักตัวของร่างกายไม่ได้มาจากไขมันที่สะสมอยู่แต่มาจากกล้ามเนื้อที่เป็นผลของการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อตรวจหาโรคอ้วนได้ด้วยตัวเอง คือ ‘การตรวจวัดรอบเอว’ หากผู้หญิงมีรอบเอวเกินกว่า 80 ซม. หรือ ผู้ชายที่มีรอบเอวเกินกว่า 90 ซม. อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนและเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมาได้
โรคอ้วน เกิดจาก 2 สาเหตุที่มาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรง ได้แก่
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีภาวะอ้วนสาเหตุมักมาจากการที่กินตามใจปากตัวเองมากเกินไปทำให้มากเกินความต้องการของร่างกายอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกิน แป้ง ขนมหวาน ไขมัน เนื้อ หากมีมากเกินไปนั้นร่างกายจะเก็บสะสมเอาไว้และกลายเป็นไขมันสะสมตามร่างกาย ยิ่งหากขาดการออกกำลังกายด้วยก็จะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินไปได้เลย
ร่างกายบางคนอาจมีความผิดปกติจากภายในที่ทำให้เกิดภาวะอ้วนได้ ยกตัวอย่างเช่น
หากคุณกำลังเผชิญกับโรคอ้วนอยู่ อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้เจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ รวมถึงโรคเรื้อรังอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
-โรคเบาหวาน
-ไขมันในเลือดสูง/ความดันโลหิตสูง
-โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
-โรคมะเร็งต่าง ๆ
-เกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ
-โรคหยุดหายใจขณะหลับ
-โรคไขมันเกาะตับ
-ประจำเดือนมาไม่ปกติ
-โรคเกี่ยวกับปวดข้อตามร่างกาย
-โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
-โรคหัวใจ
-มีบุตรยาก
-โรคผิวหนัง ทำให้มีสิว กลิ่นตัว
รู้หรือไม่ว่าความอ้วนนั้นยังสามารถจำแนกออกเป็นประเภทใหญ่ได้อีกด้วยว่าความอ้วนแต่ละแบบนั้นเกิดจากอะไรและเสี่ยงต่อโรคอะไร มาดูกันว่าคุณกำลังเผชิญกับความอ้วนแบบไหนอยู่หรือเปล่า
นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะอ้วน ยังสามารถบ่งบอกได้อีกว่าอ้วนช่วงไหนเกิดจากพฤติกรรมอะไร มาดูกันว่าคุณมีไขมันสะสมช่วงไหนมากเป็นพิเศษและเกิดจากอะไรเพื่อการแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างตรงจุด
โรคอ้วนหรืออ้วนลงพุง อันตรายกว่าที่คุณคิดนอกจากจะเสียความมั่นใจแล้วมันยังทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมามากมาย แต่อ้วนได้ก็ลดได้เช่นกัน มาดูกันว่าวิธีลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนและการรักษานั้นสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
หากคุณไม่อยากถึงขั้นผ่าตัด การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยลดน้ำหนักได้เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.5-1 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่ทางที่ดีการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะอ้วนจะดีที่สุดเพราะจะได้ไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่าง ๆ เข้ามา หากคุณเริ่มรู้จักกับโรคนี้มากขึ้นแล้วก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เป็นตัวการของโรคอ้วนด้วยล่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีและเรียกคืนความมั่นใจให้กลับมา
อ้างอิง:
–http://www.vejthani.com/th/2020/12/อ้วนส่วนไหน-เป็นเพราะอะ/
–https://www.khonkaenram.com/th/services/health-information/health-articles/med/program-bmi
Atlantic Canada Healthcare คลังข้อมูลป้องกันโรค รู้ทันโรคใหม่ ๆ ทุกวัน พร้อมวิธีตรวจเช็คอาการเบื้องต้น มีประสิทธิภาพมากที่สุด ประหยัดที่สุด ทันเวลาในการตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อคำแนะนำและการรักษาที่ดีที่สุด